ผู้ผลิตน้ำผึ้งคุณภาพ


จเร ฟาร์ม” ผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์คุณภาพ ปลอดสารพิษ เปี่ยมคุณประโยชน์รายแรก





เกี่ยวกับ จเร ฟาร์ม

Creative Enterprise : Innovative Machines
( จเร ฟาร์ม )

“จเร ฟาร์ม” พัฒนากระบวนการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์

กระบวนการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์

ได้เทคนิคการคัดสายพันธุ์และเลี้ยงผึ้งเพื่อผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล
การ เกษตรแบบอินทรีย์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เกษตรกร เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ หรือสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อมและผลผลิต ในขณะที่ในปัจจุบันผู้บริโภคได้ตระหนักถึงสุขภาพมากขึ้น มุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่บริโภค ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์นั้นได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก
เช่นเดียวกับการเลี้ยงผึ้งเพื่อผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ปลอดจากสารเคมีและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีคุณภาพและคุณประโยชน์สูง ดั่งเช่นที่ “จเร ฟาร์ม”
จเรศักดิ์ ศรีวงศ์ เจ้าของ จเร ฟาร์ม และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่จะผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ ให้มีคุณภาพสูง ปลอดจากสารเคมีและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกขั้นตอนของกระบวนการการผลิตจะต้องถูกต้องตามมาตรฐาน การผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ของโลก ดังนั้น จเร ฟาร์ม จึงได้ขอเข้ารับการสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ใน “โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์”  โดยทำการวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในทุกขั้นตอนการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ ตั้งแต่การคัดสายพันธุ์ผึ้งที่เหมาะสม การเลี้ยงผึ้ง สถานที่ตั้งรังผึ้ง การเก็บเกี่ยวผลผลิต ตลอดจนถึงการบรรจุสินค้า ซึ่งจะต้องดำเนินการตามมาตรฐานการผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้น้ำผึ้งอินทรีย์ที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
ผลจากการดำเนินโครงการร่วมกันครั้งนี้ส่งผลให้ จเร ฟาร์ม ได้เทคนิคการคัดสายพันธุ์และเลี้ยงผึ้งเพื่อผลิตน้ำผึ้งอินทรีย์ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสากล อีกทั้งสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้จากเดิมถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงผึ้งจากการใช้สารเคมีและยาปฎิชีวนะในรัง ผึ้งเพื่อควบคุมตัวไรและโรคผึ้ง ทำให้สามารถเพิ่มรายได้ให้กับเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งอินทรีย์ ของ จเร ฟาร์มอีกด้วย
ปัจจุบัน จเร ฟาร์ม เป็นผู้ผลิตน้ำผึ้งคุณภาพ ในฟาร์มระดับกลางขนาด 101-500 รัง โดยลงทะเบียนเสนอแผนการดำเนินงานและเลี้ยงผึ้งภายใต้การควบคุมดูแลของคณะ กรรมการเกษตรอินทรีย์ ศูนย์ผึ้ง ปศุสัตว์ ประจำฟาร์มตามหลักการจัดการทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มผึ้ง หรือมาตรฐานฟาร์ม (GAP)
“ก่อนที่เราจะเก็บน้ำผึ้งได้ นั้น ต้องออกสำรวจหาแหล่งดอกไม้หรือพืชสมุนไพรที่ไม่มีการใส่ปุ๋ย ยา หรือสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น เช่น ดอกสาบเสือ เปล้า ลิ้นจี่ป่า ฯลฯ นอกจากนี้ที่ตั้งของผึ้งต้องอยู่ห่างจากชุมชน แหล่งปฏิกูล ที่ทิ้งขยะมูลฝอย โรงงานอุตสาหกรรม สารเคมี สารพิษ และห่างจากถนนที่มีการจราจรคับคั่ง เพื่อหลีกเลี่ยงสารตะกั่วหรือโลหะหนักปนเปื้อน ฯลฯ ไม่น้อยกว่า 3 กม. ส่วนการจัดการรังผึ้งนั้นต้องแยกชั้นของน้ำผึ้งและตัวอ่อนของผึ้งไม่ให้ปะปนกัน โดยคัดเก็บเกี่ยวเฉพาะน้ำผึ้งที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐานของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งการเก็บและสลัดน้ำผึ้งนั้น จะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่สะอาด ปลอดภัยต่อผู้บริโภคเสมือนอยู่ในโรงงาน มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลทุกขั้นตอน มีการใช้มุ้งตาข่ายสนามเพื่อป้องกันการรบกวนจากผึ้งป่าหรือผึ้งใกล้เคียง ต้องไม่ใช้ไฟเผาหรือยาฆ่าแมลงฉีดพ่นเพื่อทำร้ายผึ้งเหมือนกับการตีผึ้งป่า ทั่วไป ซึ่งคอนผึ้งที่สลัดเอาน้ำผึ้งออกแล้วสามารถนำกลับมาใช้เลี้ยงผึ้งใหม่ได้อีก”
ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนของการเก็บตัวอย่างน้ำผึ้งจะ มีเจ้าหน้าที่ดูแล แล้วนำเข้าตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อดูเปอร์เซ็นต์น้ำตาล คุณค่าอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นการช่วยป้องกันการปนเปื้อนจากสารอันตรายก่อนได้รับการรับรอง
การเลี้ยงผึ้งด้วยวิธีการนี้เป็นการช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ป่าคงอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลงภายในกำหนดระยะเวลาจากดอกไม้บานจนโรย เหี่ยวเฉาประมาณ 30-45 วัน จากนั้นจะทำการพักน้ำผึ้งบ่ม ไว้สักระยะ 10-15 วัน โดยไม่ต้องอบหรือไล่ความชื้น ด้วยความร้อนหรือวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ฟองอากาศที่เกิดจากการเหวี่ยงสลัดออกจากน้ำผึ้งแล้ว จึงกรอกบรรจุขวด เก็บตัวอย่าง ตรวจสอบตามกระบวนการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ก่อนนำออกจำหน่าย  ภายใต้ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น นับได้ว่าเป็นสินค้าจากฟาร์มถึงผู้ผลิตโดยตรง
น้ำผึ้งอินทรีย์ จะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ สารอาหาร และวิตามินครบถ้วน 100% ไม่มีพิษต่อผู้บริโภค เป็นยาอายุวัฒนะ แม้แต่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานก็สามารถรับประทานแทนน้ำตาลได้ ภายใต้คำแนะนำดูแลจากแพทย์ น้ำผึ้งอินทรีย์สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 10 ปี แต่หากจะให้ได้คุณค่าและประโยชน์สูงสุดควรรับประทานภายใน ระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี”
จเรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการในอนาคตว่า จะดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องของการคัดสายพันธุ์ผึ้งเพื่อเพาะขยายพันธุ์ โดยจะคัดเลือกพันธุ์ผึ้งที่เก็บน้ำผึ้งดี ไม่หนีรัง เพื่อให้ได้น้ำผึ้งที่มีคุณภาพสูงรองรับตลาดได้อย่างพอเพียง เนื่องจากในช่วงนี้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น และน้ำผึ้งอินทรีย์ ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่มีผู้ให้ความสนใจและรู้จักมาก ขึ้น ส่งผลให้ยอดขายดีขึ้นเป็นลำดับด้วย ปัจจุบันสามารถหาซื้อน้ำผึ้งอินทรีย์จาก จเร ฟาร์ม ได้ที่ร้านเอเดน ร้านดอยคำ ร้านสหกรณ์เทเวศร์ ราคาตั้งแต่ 25-250 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดบรรจุ
จเร ฟาร์ม48/1 หมู่ 4 ต.นานกกก อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์    
โทรศัพท์ 0 5581-7045, 081 953-6354
โทรสาร 0 5581-7044
E-mail: jare_farm@hotmail.com

น้ำผึ้งกับความงาม

 
น้ำ ผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ถูกใช้เพื่อความงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน ในการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผม เนื่องจากคุณสมบัติตามธรรมชาติที่มีในน้ำผึ้ง ดังนี้
§     Humectant น้ำ ผึ้งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คือสามารถดึงและเก็บความชื้นไว้ได้ ทำให้ผิวหนังมีความอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น จึงเหมาะที่จะเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นต่างๆ ได้แก่ คลีนซิ่ง, ครีม, แชมพู และคอนดิชันเนอร์ และเนื่องจากน้ำผึ้งมาจากธรรมชาติและไม่ระคายเคืองผิวหนัง จึงเหมาะอย่างมากกับผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางและผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
§     Antioxidant น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนต์ สารแอนตี้ออกซิแดนต์มีบทบาทในการปกป้องผิวหนังจากการทำลายของแสง UV และช่วยในการเสริมสร้างเซลส์ผิวหนังใหม่
§         Antimicrobial Agent น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านจุลินทรีย์และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เนื่องจาก
·         น้ำผึ้งมีปริมาณน้ำตาลสูง เป็นการจำกัดปริมาณน้ำที่แบคทีเรียจะสามารถเติบโตได้
·         มีความเป็นกรดสูง (pH ต่ำ) และปริมาณโปรตีนต่ำ ซึ่งทำให้แบคทีเรียไม่ได้รับไนโตรเจนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต
·         มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และแอนตี้ออกซิแดนต์อยู่ในน้ำผึ้งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
     

ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี

 
  1. มีความข้น และหนืดพอสมควร ซึ่งแสดงว่ามีน้ำน้อย น้ำผึ้งที่ดีไม่ควรมีน้ำเกินร้อยละ 21 หากมีน้ำเจือปนมากกว่านั้น จะทำให้จุลินทรีย์สามารถเจริญเติบโตและทำลายคุณค่าของน้ำผึ้งได้
  2. มีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงสีน้ำตาล ใส ไม่ขุ่นทึบ
  3. มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งและดอกไม้ตามแหล่งที่ได้มา ปกติพืชที่ใช้ผลิตน้ำผึ้งมีหลายชนิด ที่นิยมคือ ลำไย ลิ้นจี่ และสาบเสือ น้ำผึ้งลำไยนับเป็นน้ำผึ้งที่มีรสหอมหวานเป็นพิเศษเหนือกว่าน้ำผึ้งจากพรรณ ไม้อื่นทั้งหมด
  4. ปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปน รวมทั้งวัสดุต่าง ๆ แขวนลอยอยู่
  5. ปราศจากลิ่น รส ที่น่ารังเกียจอื่นใด หรือกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง
  6. ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใด ๆ ลงในน้ำผึ้ง

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง
 
  1. ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลียจากการตรากตรำทำงานหนัก เล่นกีฬา อดนอน หรือดื่มสุรา
  2. ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระยะพักฟื้น
  3. บำรุงประสาทและสมองให้สดชื่น แจ่มใส
  4. ช่วยระงับประสาท อาการหงุดหงิด นอนไม่หลับ แก้ตะคริว
  5. บรรเทาอาการไอ และหวัด
  6. ลด กรดในกระเพาะ ช่วยให้อาหารย่อยดีขึ้น ท้องไม่ผูก เนื่องจากน้ำผึ้งถูกดูดซึมได้ทันที เมื่อสัมผัสลำไส้ ต่างจากน้ำตาลชนิดอื่นที่คงค้างอยู่ และถูกเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์หรือกรด
  7. แก้ เด็กปัสสาวะรดที่นอน เนื่องจากน้ำผึ้งมีน้ำตาลฟรุกโตส ซึ่งมีคุณสมบัติดูดความชื้นได้ดีกว่าน้ำตาลชนิดอื่น จึงสามารถดูดน้ำกลับและอุ้มน้ำไว้ ทำให้เด็กไม่ปัสสาวะรดที่นอน
  8. แก้โรคโลหิตจาง เนื่องจากน้ำผึ้งมีธาตุเหล็กซึ่งเป็นองค์ประกอบของฮีโมโกลบิน ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดง
  9. แก้ความดันโลหิตสูง   
จาก คุณประโยชน์ของน้ำผึ้ง รวมทั้งรสหวานตามธรรมชาติและกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงนิยมนำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมในอาหารต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าและให้รสหวาน เช่น
  • ผสมในเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้แก่ ชา, กาแฟ, นม, โยเกิร์ต, น้ำมะนาว หรือในต่างประเทศจะนำไปทำเบียร์หรือไวน์
  • ผสม ในขนมอบและขนมหวานต่าง ๆ คุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งของน้ำผึ้งในขนมปัง คือ น้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลฟรุกโตส ซึ่งมีคุณสมบัติดึงความชื้นไว้ได้นาน ดังนั้นขนมปังหรือขนมที่ผสมน้ำผึ้งจะนิ่มอยู่นานกว่าใช้น้ำตาลทรายธรรมดา หลังจากนำออกจากเตาอบแล้ว
  • ผสมในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธัญญพืชเป็นอาหารเช้า หรือผสมในอาหารเด็กอ่อน
  • ทำเป็นสเปรด (spreads) สำหรับทาขนมปัง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมในยา เพื่อเพิ่มความคงตัวและมีรสหวานรับประทานง่าย รวมทั้งมีประโยชน์ทางยา

ส่วนประกอบของน้ำผึ้ง

 
 
  1. ปริมาณความชื้น
    น้ำผึ้งที่ดีควรมีปริมาณความชื้นไม่เกินร้อยละ
    21 เพื่อให้มีรสชาติที่เข้มข้น สามารถเก็บไว้ได้นานโดยจะเปลี่ยนแปลงสภาพเพียงเล็กน้อย และป้องกันไม่ทำให้น้ำผึ้งเสียคุณค่าจากการหมัก
  2. น้ำตาลของน้ำผึ้ง
    น้ำผึ้งเป็นแหล่งของสารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่สำคัญ เพราะถ้าหักปริมาณน้ำหรือความชื้นออกเสียแล้ว ร้อยละ
    95-99 ที่เหลือจะเป็นน้ำตาลชนิดต่าง ๆ ชนิดที่สำคัญคือ น้ำตาลลีวูโลส (ฟรุกโทส) และเดกซ์โทรส (กลูโคส) ที่ ผึ้งย่อยสลายจากน้ำตาลซูโครสในน้ำหวาน น้ำตาลทั้งสองชนิดซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปสร้างพลังงานได้ทันที และทำให้น้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางกายภาพอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น ดูดความชื้นจากบรรยากาศได้ น้ำผึ้งที่ดีควรมีน้ำตาลทั้งสองชนิดไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 นอกจากนี้น้ำตาลลีวูโลสยังมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 1.6 เท่า ขณะที่ร่างกายดูดซึมได้ช้า จึงสามารถใช้น้ำผึ้งเป็นสารให้ควานแทนน้ำตาลทั่วไปได้ สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักในระดับที่ไม่เคร่งครัดนัก น้ำผึ้งที่ได้จากน้ำหวานดอกไม้จะมีน้ำตาลลีวูโลสมากกว่าน้ำตาลเดกซ์โทรส นอกจากน้ำตาลทั้งสองชนิดแล้ว น้ำผึ้งยังประกอบด้วยน้ำตาลซูโครส, มอลโทส, แล็กโทส และน้ำตาลอื่น ๆ รวม 17 ชนิด
  3. กรดในน้ำผึ้ง
    เนื่อง จากน้ำผึ้งมีรสหวานจัด รสเปรี้ยวของสภาพความเป็นกรดจึงถูกปิดบังเอาไว้ กรดในน้ำผึ้งมีหลายชนิด เช่น กรดฟอร์มิก อะซีติก มิวทาร์ค ซิตริก มาลิก และซักซินิก กรดที่สำคัญที่สุดในน้ำผึ้งคือ กรดกลูโคนิก ซึ่งเป็นอนุพัทธ์ของน้ำตาลเดกซ์โทรส ในน้ำผึ้งยังมีกรดอะมิโนถึง
    16 ชนิด นอกจากนี้ยังมีกรดอนินทรีย์ คือกรดฟอสฟอริก และกรดเกลือ (ไฮโดรคอลริก) อีกด้วย
  4. แร่ธาตุในน้ำผึ้ง
    ปริมาณเถ้า
    (ส่วนของแร่ธาตุต่าง ๆ ) ในน้ำผึ้งมีค่าเฉลี่ยประมาณ 0.17% ของน้ำหนักน้ำผึ้ง แร่ธาตุที่พบในน้ำผึ้ง ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โซเดียม สังกะสี เหล็ก แมงกานีส ทองแดง ปริมาณแร่ธาตุต่าง ๆ ในน้ำผึ้งแม้จะมีไม่มากนัก แต่ก็อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม การเติมน้ำผึ้งลงไปแทนน้ำตาลในอาหารชนิดต่าง ๆ ก็เป็นการเพิ่มปริมาณแร่ธาตุที่จำเป็นแก่ร่างกาย และยังเป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหารอย่างอื่นอีกด้วย
  5. เอนไซม์ในน้ำผึ้ง
    เอนไซม์ คือสารประกอบเชิงซ้อนที่เกิดขึ้นภายในเซลของสิ่งมีชีวิต มีหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ภายในเซลนั้น ๆ เอนไซม์สำคัญที่สุดที่พบในน้ำผึ้ง คือ
    อินเวอร์เทสซึ่ง มีหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลซูโครสในน้ำหวานของดอกไม้ให้เป็นน้ำตาลแปรสภาพ คือ น้ำตาลเดกซ์โทรสและลีวูโลส ในน้ำผึ้งมีเอนไซม์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ ไดแอสเทส” (หรืออมัยเลส) เอนไซม์ ชนิดอื่น ๆ ในน้ำผึ้งมี เอนไซม์คาตาเลส และฟอสฟาเทส และในรายงานล่าสุดพบว่าในน้ำผึ้งมีเอนไซม์อีกชนิดหนึ่งคือ กลูโคออกซิเดส เป็นเอนไซม์จากฟาริงเกลแกลนด์ของผึ้ง ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นกรดกลูโคนิก และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ อินฮิบิทที่ทำหน้าที่ยับยั้งและทำลายเชื้อโรคได้
  6. วิตามินในน้ำผึ้ง
    ในน้ำผึ้งมีวิตามินอยู่หลายชนิด ได้แก่ ไทอามีน
    (บี1), ไรโบฟลาวิน (บี2), กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี), ไพริด็อกซิน (บี6), กรดแพนโทธินิก, กรด นิโคตินิก หรือที่เรียกรวมกลุ่มว่า วิตามินบีคอมเพล็กซ์ ปริมาณวิตามินในน้ำผึ้งแต่ละชนิดแตกต่างกันตามที่มาของน้ำผึ้ง เดกซทรินในน้ำผึ้ง เป็นสารประกอบที่มีโมเลกุลของกลูโคสต่อกันเป็นโซ่ยาว เป็นส่วนที่ทำให้น้ำผึ้งชุ่มคอและเคลือบผิว
  7. สารแขวนลอยในน้ำผึ้ง
    สาร แขวนลอย หมายถึง โมเลกุลขนาดใหญ่ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของโมเลกุลขนาดเล็ก และกระจายตัวอยู่ในของเหลวนั้น ๆ โมเลกุลของสารแขวนลอยจะไม่ตกตะกอน สารแขวนลอยส่วนใหญ่ในน้ำผึ้งจะเป็นเกสรดอกไม้ ทั้งที่ไม่ถูกน้ำย่อยย่อย และที่ถูกน้ำย่อยย่อยแล้วบางส่วน และพบว่ามีโปรตีน
    4-7 ชนิด ในปริมาณที่แตกต่างกัน ปริมาณโปรตีนในน้ำผึ้งจะมีอยู่ประมาณ 0.1-0.6%
  8. อินฮิบิท หรือ คุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรคของน้ำผึ้ง
    สาร อินฮิบิทมีผลต่อต้านเชื้อโรคเพราะมีการผลิตไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในปฏิกิริยา เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นกลูโคสในแลคโตน โดยเอนไซม์กลูโคออกซิเดส จึงมีการนำน้ำผึ้งมาใช้ในการรักษาบาดแผลสด ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลติดเชื้อ สารกระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวภาพอื่น ๆ ในน้ำผึ้ง วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ในน้ำผึ้งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสารที่กระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวภาพด้วย แต่ในน้ำผึ้งยังมีอีกหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันไม่สามารถค้นพบได้ มีการทดลองหลายอย่างที่พิสูจน์ว่าน้ำผึ้งมีส่วนในการกระตุ้นปฏิกิริยาทาง ชีวภาพ เช่น ช่วยการสร้างรากของกิ่งไม้ ช่วยในการเจริญเติบโตของยีสต์ ช่วยเร่งน้ำย่อย ช่วยให้เจริญอาหาร และช่วยในการเจริญเติบโตตามภาวะปกติ หรือยามเจ็บป่วย 

    คุณสมบัติของน้ำผึ้ง


     
    §         คุณสมบัติทางกายภาพ
    ที่อุณหภูมิ 20?c มีความถ่วงจำเพาะ = 1.4225
    น้ำผึ้ง 3,785 มิลลิลิตร (1 แกลลอน) หนัก 5,375 กรัม
    น้ำผึ้ง 0.453 กิโลกรัม (1 ปอนด์) มีปริมาตร 318.9 มิลลิลิตร
    §         พลังงานคิดเป็นแคลอรี
    น้ำผึ้ง 0.453 กิโลกรัม (1 ปอนด์) ให้พลังงาน 1,380 แคลอรี
    น้ำผึ้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 303 แคลอรี

    ความแตกต่างของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชอาหาร



                เป็น ธรรมชาติของรังผึ้งที่จะเก็บน้ำหวานสะสมไว้ภายในรัง ดังนั้นหากผู้เลี้ยงมีกรรมวิธีจัดการดูแลที่ดี และมีรังผึ้งอยู่ในบริเวณที่ในช่วงเวลาหนึ่งที่มีพืชชนิดเดียวกัน ออกดอกบานพร้อม ๆ กัน น้ำหวานที่ผึ้งงานดูดเก็บสะสมแปรรูปเป็นน้ำผึ้งไว้ภายในรัง ส่วนใหญ่ก็มาจากแหล่งพืชเดียวกัน
                โดย ปกติแล้ว น้ำหวานที่ปล่อยออกมาจากต่อมน้ำหวานของพืชแต่ละชนิดจะมีกลิ่น รส สี แตกต่างกันออกไปเฉพาะตัว และองค์ประกอบโครงสร้างของน้ำตาลก็อาจผิดแผกจากกันไปบ้าง จึงทำให้สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชอาหารได้ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ น้ำผึ้งจากดอกส้ม น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกสาบเสือ ฯลฯ ซึ่งน้ำผึ้งแต่ละชนิดจะมีลักษณะแตกต่างกัน ดังนี้ 
    1.    ความ แตกต่างในเรื่องกลิ่นรส และสีของน้ำผึ้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับน้ำหวานจากดอกไม้ที่ผึ้งเก็บมา มีตั้งแต่สีเหลืองอ่อน น้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลไหม้ ตัวอย่างเช่น น้ำผึ้งที่ได้จากดอกลำไย จะมีสีเข้ม มีกลิ่นหอมและมีรสหวานกว่าน้ำผึ้งที่ได้จากดอกลิ้นจี่ ดอกเงาะ ดอกทุเรียน ดอกนุ่น
    2.    องค์ ประกอบของน้ำตาล เช่น สัดส่วนของน้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟรุกโทสไม่เท่ากัน ซึ่งมีผลถึงความแตกต่างทางด้านคุณสมบัติทางกายภาพของน้ำผึ้ง เช่น
    §     การ ตกผลึก น้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งในสวนยางพารา สามารถตกผลึกได้ทั้งหมด เมื่อนำไปแช่ในตู้เย็นหลายชั่วโมง ในขณะที่น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ตกผลึกได้น้อยกว่า หรือน้ำผึ้งจากดอกลำไยและนุ่น ไม่ค่อยตกผลึกเลยในสภาพเดียวกัน
    §         ความสามารถในการอุ้มน้ำ ซึ่งน้ำผึ้งบางชนิดจะอุ้มน้ำไว้ในปริมาณมากกว่าน้ำผึ้งอีกชนิดหนึ่ง

    เกี่ยวกับน้ำผึ้ง

                น้ำ ผึ้ง เป็นผลิตผลของน้ำหวานจากดอกไม้ และจากแหล่งน้ำหวานอื่น ๆ ที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ และผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี และทางกายภาพบางประการ แล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง


    เมื่อ ผึ้งงานเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ลงสู่กระเพาะน้ำหวาน จะมีเอนไซม์จากต่อมน้ำลายขับออกมาเปลี่ยน หรือเมตาบอไลซ์น้ำตาลกลูโคสและฟรุกโทสให้เป็นน้ำตาลแปรรูป (Invert Sugar) คือ น้ำตาลลีวูโลส เดกซ์โทรส และมอลโทส นอกจากนั้นยังมีน้ำตาลอื่น ๆ อีก แต่มีจำนวนน้อยมาก ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ผึ้งเริ่มบินกลับรัง ในขณะที่ผึ้งกระพือปีกจะเกิดพลังงานความร้อนช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ ตลอดจนช่วยเผาผลาญลดความชื้นในน้ำหวานให้กลายเป็นน้ำผึ้งเร็วขึ้น เมื่อผึ้งงานกลับถึงรัง จะคายน้ำหวานแปรรูปนี้ให้กับผึ้งงานประจำรัง ซึ่งจะรับกันด้วยปากต่อปาก น้ำหวานแปรรูปนี้ยังไม่เป็นน้ำผึ้งที่สมบูรณ์ เพราะยังมีความชื้นหรือน้ำในน้ำหวานจำนวนมากถึง 30-40% ต่อมาผึ้งงานประจำรัง จะนำน้ำหวานนี้ไปเก็บในหลอดรวงน้ำผึ้ง ตอนเย็นผึ้งกลับรังกันเป็นส่วนใหญ่ จะช่วยกันกระพือปีก ช่วยให้มีการระเหยของน้ำหวานอีก จนได้น้ำผึ้งที่สมบูรณ์ คือ มีน้ำเหลืออยู่เพียง 20-25% เท่านั้น หลังจากนั้นผึ้งงานจะใช้ไขผึ้งปิดหลอดรวงที่เก็บน้ำผึ้งไว้ใช้เพื่อให้พลังงานในชีวิตประจำวัน และยามขาดแคลนอาหารต่อไป
                เมื่อ ผึ้งงานสร้างฝาขี้ผึ้งปิดฝาหลอดรวมแล้ว แสดงว่าน้ำผึ้งเข้มข้นได้ที่แล้ว ผู้เลี้ยงจะนำรวงผึ้งมาปาดฝารวงด้วยมีดปาดฝา แล้วจึงนำรวงผึ้งนั้นเข้าเครื่องสลัดหมุน ให้น้ำผึ้งไหลออกจากรวงโดยแรงเหวี่ยง จะได้น้ำผึ้งที่สะอาด แต่อาจมีเศษไขผึ้ง หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ติดมา จึงต้องกรองด้วยผ้ากรอง แล้วเก็บไว้ในถังสูงที่มีฝาปิดมิดชิด ป้องกันมดและฝุ่นละอองตกลงไปในถัง การบรรจุน้ำผึ้งจากถังลงสู่ขวดจะไขก๊อกให้น้ำผึ้งจากก้นถังลงสู่ขวดบรรจุ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีฟองอากาศติดปนเข้ามา

    เกสรผึ้งคืออะไร

    เกสรผึ้งคืออะไร
     
    เกสร ผึ้ง หรือบีพอลเลน คือละอองเม็ดเล็ก ๆ คล้ายฝุ่นแป้งที่เกิดและหลุดจากช่อเกสรตัวผู้ของดอกไม้ ที่ผึ้งเป็นผู้รวบรวมคลุกเคล้ากับน้ำหวานของดอกไม้ และทำเป็นก้อนเล็ก ๆ ติดไว้ที่ปลายขาหลังทั้งสองข้าง แล้วนำไปเก็บไว้ในรังเพื่อเป็นอาหารเลี้ยงตัวอ่อน
    ผึ้งงาน 1 ตัว จะรวบรวมเกสรได้ 4 ล้านอณูใน 1 ชั่วโมง, ละอองเกสร 1 ช้อนชา จะมีเกสรถึง 25 พันล้านอณู ซึ่งแต่ละอณูสามารถเจริญเป็นผลไม้ได้ 1 ผล หรือต้นไม้ 1 ต้น เกสรผึ้งอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุจำนวนมาก
                
     
                เกสรผึ้งอุดมไปด้วยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย เช่น
    • โปรตีน เป็นส่วนใหญ่และโปรตีนนี้มีประโยชน์ต่อผึ้ง และมนุษย์สูงกว่าเนื้อ นม ไข่ ถึง 5 เท่า ในขนาดที่มีน้ำหนักเท่ากัน
    • วิตามิน 16 ชนิด ได้แก่ วิตามินบีคอมเพล็กซ์, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินดี, วิตามินเค
    • กรดอะมิโน 18 ชนิด และมีชนิดที่จำเป็นในการช่วยควบคุมน้ำหนัก
    • เอนไซม์ 18 ชนิด
    • แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซี่ยม, เหล็ก, ทองแดง, ไอโอดีน และสังกะสี ฯลฯ
    1. ทาง อาหาร เกสรผึ้งเป็นอาหารที่ย่อยสลายง่าย ถือได้ว่าเป็นอาหารเพื่อการดำรงชีวิตที่สมบูรณ์แบบโดยตัวของมันเอง และยังมีคุณค่าต่อการฟื้นฟูความสมดุลของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรงและกะปรี้กะเปร่า
    2. ทางสมุนไพร   เกสรผึ้งสามารถบำบัดบรรเทาโรคเหล่านี้ได้ เช่น
    §         ภูมิแพ้ (แพ้อากาศและฝุ่นละออง)        
    §         โพรงจมูกอักเสบหรือไซนัส
    §         ไข้หวัดใหญ่
    §         หืดหอบ
    §         รูมาติซั่ม
    §         รอบเดือนในสตรีไม่ปกติหรือปวดรอบเดือน
    §         อาการกระวนกระวายในสตรีวัยหมดประจำเดือน
    §         ชะลอการตกกระของผิวหนัง
    §         ความดันโลหิตสูง        
    §         ไมเกรน
    §         เบาหวาน (ช่วยลดน้ำตาลในเลือด)
    §         ต่อมลูกหมากอักเสบ
    §         ปวดข้อ ปวดกระดูก
    §         นอนไม่หลับ
    §         ปวดแสบปวดร้อนอันเนื่องจากแผลพุพอง   ฯลฯ
    1. ทางบำรุงและเสริมสร้าง   เกสรผึ้งยังเป็นสารช่วยบำรุงและเสริมสร้างในเรื่องต่อไปนี้ให้ดีขึ้น คือ
    §         บำรุงผิวหนังให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอในคนผิวแห้ง
    §         บำรุงเส้นผมให้ดกดำและหงอกช้า
    §         ทำให้มีความทรงจำและสมาธิดีขึ้น
    §         เกสรผึ้งเป็นสารฮอร์โมนธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นและบำรุงระบบสืบพันธ์ทั้งชายและหญิง
    §         บำรุงนักกีฬา ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลีย
    §         บำรุงจิตใจสำหรับผู้ที่มีอาการทางจิต ได้รับความกดดันจากความชราหรือซึมเศร้า กลัดกลุ้ม คิดมาก

    นมผึ้งบริสุทธิ์

    ราคา: 60.00 บาท
    สถานะสินค้า: ในสต็อค
    โมเดล: ขนาด 50 กรัม
    ผู้ผลิต: จเรฟาร์ม

    น้ำผึ้งรวง 100%

    ราคา: 60.00 บาท
    สถานะสินค้า: มีสินค้า
    โมเดล: บริสุทธิ์
    ผู้ผลิต: จเรฟาร์ม

    การใช้น้ำผึ้งรวงเป็นอาหารและยา

    • ลดการอักเสบ หากมีบาดแผลหรือแผลถลอกให้ล้างด้วยน้ำเบกกิ้งโซดา หรืออบเชย ชาเสจ ชาใบผักชี (ที่เย็นแล้ว) ซึ่งมีสรรพคุณฆ่าเชื้อทั้งสิ้น อาจใช้ชาดำธรรมดา น้ำมันหอม และน้ำมันกระเทียมช่วยล้างด้วยเพื่อห้ามเลือด จากนั้นทาน้ำผึ้งสะอาดบนแผล น้ำผึ้งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและทำให้แผลหายเร็ว
    • รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา ใช้ผงขมิ้นผสมน้ำผึ้งทาบริเวณกลากเกลื้อน วันละ 2 ครั้ง
    • ต้านข้ออักเสบ ผสมน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละ 2 ครั้ง
    • แก้อาการท้องผูก กินกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มน้ำผึ้งหรือมันต้มสุกจิ้มน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน
    • แก้นอนไม่หลับ น้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ ชงน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นหรือชาดอกไม้ เช่น ชาดอกคาโมมายล์ ดื่มก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายขึ้น
    • บำรุงเลือด เทน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว บีบน้ำมะนาว 1 ซึก ใส่เกลือนิดหน่อยเติมน้ำร้อน ดื่มเป็นยาบำรุงเลือด
    • บรรเทาอาการไอ บีบมะนาวฝานสดๆหนึ่งเสี้ยวเข้าปากให้ลงลำคอ และจิบน้ำผึ้งแท้ หนึ่งช้อนโต๊ะ อมไว้ หายไอดีมาก หรือ
      • ส่วนผสม: น้ำผึ้ง 500 กรัม ขิงสด1.2 กิโลกรัม (1 ชั่ง)
      • วิธีทำ: คั้นขิงสดเอาแต่น้ำ แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งต้มจนแห้ง
      • วิธีกิน: กินครั้งละขนาดเท่าลูกอมจะช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
    • บำบัดเบาหวาน
      • ส่วนผสม: สาลี่หอมหรือสาลี่หิมะจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม
      • วิธีทำ: ปอกเปลือกสาลี่แล้วตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว บรรจุใส่ขวด
      • วิธีกิน: ผสมน้ำกิน ช่วยแก้อาการไอและบำบัดโรคเบาหวานได้
    • ลดความดันโลหิตสูง
      • ส่วนผสม: น้ำผึ้งและงาดำ อย่างละ 50 กรัม
      • วิธีทำ: ตำงาดำให้ละเอียดแล้วคลุกกับน้ำผึ้ง
      • วิธีกิน: ชงกับน้ำร้อนดื่มรักษาโรคความดันโลหิตสูงและบรรเทาอาการท้องผูกเรื้อรัง
    • ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น
    • สำหรับผิวหน้าสดใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น
    • เพื่อผมเงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ

    น้ำผึ้งรวง

    ราคา: 60.00 บาท
    สถานะสินค้า: มีสินค้า
    โมเดล: อินทรีย์
    ผู้ผลิต: จเรฟาร์ม

    น้ำผึ้งแท้ ขนาด 1,000 กรัม


    ราคา: 180.00 บาท
    สถานะสินค้า: มีสินค้า
    โมเดล: ขนาด 1,000 กรัม
    ผู้ผลิต: จเรฟาร์ม

    น้ำผึ้งแท้ ขนาด 600 กรัม




    ราคา: 150.00 บาท
    สถานะสินค้า: มีสินค้า
    โมเดล: ขนาด 600 กรัม
    ผู้ผลิต: จเรฟาร์ม

    น้ำผึ้งแท้ ขนาด 350 กรัม


    ราคา: 100.00 บาท
    สถานะสินค้า: ในสต็อค
    โมเดล: ขนาด 350 กรัม
    ผู้ผลิต: จเรฟาร์ม

    น้ำผึ้งแท้ ขนาด 120 กรัม


    ราคา: 50.00 บาท
    สถานะสินค้า: มีสินค้า
    โมเดล: ขนาด 120 กรัม
    ผู้ผลิต: จเรฟาร์ม